MEMBER
บทความ
- ความงามทั่วไป
- ดูแลผิวพรรณ
- ผิวหนัง
- ฝ้า-กระ
- ลดน้ำหนัก
- ศัลยกรรมความงาม
- สุขภาพ-งานวิจัย
- หมวดสิว
- เก็บมาอยากให้อ่านกัน
- เวชศาสตร์ความงาม
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- เส้นผม

Vitamin E ( Alpha-tocopherol) บทบาทในการรักษาผิวพรรณ
วิตามินอี ถือเป็น Antioxidants อีกชนิดหนึ่ง ที่นิยมนำมารักษาปัญหาด้านผิวพรรณ โดยเฉพาะริ้วรอยเหี่ยวย่น เราได้ทราบประโยชน์ของวิตามินอี เกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลานานพอสมควร แต่ในบทความนี้ จะกล่าวถึงวิตามินอี ในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่น่าสนใจ
วิตามินอี ประกอบด้วย Tocopherols และ Tocotrinols ซึ่งพบในผัก น้ำมันพืช เมล็ดพืช ข้าวโพด ถั่ว แป้งสาลี เนยเทียม เนื้อสัตว์ และนม โดยมี Alpha-tocopherol และ Gamma-tocopherol เป็นตัวที่ Active ที่สุด ซึ่งร่างกาย ต้องการวิตามินอี ในรูปของ alpha-tocopherol ประมาณ 10 มก.ต่อวัน
วิตามินอี เป็นสาร Antioxidants ตัวที่สำคัญ ที่พบใน Plasma และเม็ดเลือดแดง โดยปกติจะช่วย ปกป้องเซลล์บุผิว ชนิด cell membrane lipid จากการถูก Peoxidation ให้เกิด อนุมูลอิสระที่ทำลายเซลล์
จากการศึกษาพบว่า ผิวหนังในบริเวณที่มีต่อม Sebaceous glands ( ต่อมไขมัน) มาก เช่น ใบหน้า จะมีปริมาณของวิตามินอี มากกว่าบริเวณแขนถึง 20 เท่า เนื่องจากต่อม Sebaceous glands เป็นช่องทางที่สำคัญ ในการหลั่งวิตามินอี ออกสู่ผิวหนัง
ประโยชน์ของการทาครีมที่มีส่วนผสมของ วิตามินE ในการป้องกันและรักษาผิวพรรณ
- ช่วยลดอัตราการทำลายของแสงแดด ( Phtoprotection ) ที่ทำให้เซลล์เกิด Sunburn รอยแดงไหม้ ( erythema ) chronic UVB damage
- ลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด ( photocarcinogenesis)
- ช่วยลดริ้วรอยเหี่ยวย่น
- ลดความหยาบกร้านของผิวพรรณ
ประโยชน์ของการรับประทานวิตามิน E
- ในสัตว์ทดลองพบว่า วิตามินอี สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งผิวหนัง ( basal cell carcinoma) ได้ถึง 70 % โดยเฉพาะรับประทานควบคู่กับวิตามินเอ
- ช่วยสมานแผล ( wound healing) เมื่อรับประทานวันละ 400 มก. ทำให้แผลหายได้เร็ว
- สร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแก่ร่างกาย โดยมีฤทธิ์ในการรักษาการอักเสบ ( anti-inflammatory effects ) และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ( immunostimulatory effects )
วิตามินอี จะเสื่อมสภาพได้เร็ว เมื่อถูกแสงแดด หรือออกซิเจน แต่จะทนต่อความร้อนได้ถึง 100 องศาเซลเซียส และภาวะความเป็นกรดด่าง การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด และยาระบาย จะทำให้ฤทธิ์ของวิตามินอี ในรูปรับประทานลดลงเช่นกัน
ขนาดในการรับประทานวิตามินอี ควรเริ่มที่ขนาดต่ำๆ ก่อน ประมาณ 100 มก.ต่อวันก็น่าจะได้ สาร alpha-tocopherol เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ( แม้จะมีความปลอดภัยสูง เมื่อรับประทาน ขนาด ประมาณ 3,000 มก.ต่อวัน ได้เป็นเวลานาน) แต่ก็ยังไม่แนะนำให้รับประทานเกิน 4,000 มกต่อวัน
โดยเฉพาะในคนที่มีประวัติ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และคนที่ได้รับยาสลายลิ่มเลือด เช่น Aspirin เพราะการรับประทานวิตามินอี เกินขนาดอาจผลเสียได้ เช่นกัน
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ …………………..26 July,2005