MEMBER
บทความ
- ความงามทั่วไป
- ดูแลผิวพรรณ
- ผิวหนัง
- ฝ้า-กระ
- ลดน้ำหนัก
- ศัลยกรรมความงาม
- สุขภาพ-งานวิจัย
- หมวดสิว
- เก็บมาอยากให้อ่านกัน
- เวชศาสตร์ความงาม
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- เส้นผม

Microdermabrasion (การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี)
การกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion)คือ แนวทางการรักษาปัญหาผิวพรรณที่มีการทำมาใช้ทั้งในยุโรป อเมริกา ในระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมา และในเมืองไทย ได้มีการนำเครื่องมือนี้มาใช้กันบ้างแล้วในระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในระยะนี้ หลังจากได้มีการพัฒนาให้เครื่องมือให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้ผลมากสุดและผลข้างเคียงน้อยสุด
ตัวอย่างก่อนและหลังทำการกรอผิวบริเวณใบหน้า
Microdermabrasion เป็นการกรอผิวหนังที่มีปัญหาในชั้นหนังกำพร้า (Epidermis) ให้หลุดลอกออกด้วยเกร็ดอัญมณีขนาดเล็กมาก ประมาณ 100 Micron ซึ่งผลึกครีสตัลที่นิยมใช้ ก็คือ Aluminium Oxide โดยให้วิ่งตามการพ่นของเครื่องปั๊มในกระบอกสูญญากาศที่ปลอดเชื้อ ( Air flow in Sterile Closed system) โดยมีการปรับความแรง ความเร็วในการพ่นผลึกดังกล่าวได้ตามต้องการของผู้ใช้ และก็มีขนาดของผลึกครีสตัลแตกต่างกันให้เลือก แล้วแต่จุดประสงค์ในการใช้งาน และปัจจุบันได้มีการพัฒนาเครื่องมือให้ทันสมัยและสะดวกขึ้น โดยการใช้ผลึกครีสตัลของเพชร ( Diamond crystal) มากรอผิวแทนซึ่งจะมีการระคายเคืองน้อยกว่า และสะดวกกว่า
ข้อบ่งชี้ในการทำ Microdermabrasion ในปัจจุบันได้นำมาแก้ไขปัญหาผิวพรรณ ดังต่อไปนี้
- ผิวหน้าที่หมองคล้ำจากแสงแดด ( Sun-damaged skin)
- สิวอุดตัน ทั้งประเภทหัวดำ และหัวขาวให้หลุดลอกออก ( Black and white head comedone)
- สิวเสี้ยน ( Trichostasis spinulosa)
- ริ้วรอยเหี่ยวย่นเล็กน้อยบริเวณหางตา ( Fine wrinkles in Crow’s feet)
- ผิวหนังที่หยาบกร้าน แตกลาย เช่น บริเวณท้อง ขา
- รอยดำตามผิวหนัง เช่น รอยดำจากสิว รอยดำตามลำตัว ขาหนีบ
- ปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวหน้ามัน
- รอยแผลเป็นจากอุบัติเหตุ รอยเย็บแผล
- ฝ้าจางๆ ที่ไม่ลึกมาก ( Epidermal typed)
- ภาวะการเปลี่ยนแปลงของผิวพรรณอื่นๆ ที่เข้าสู่วัยชรา (Age Spots) เช่น กระเนื้อ กระแดด ขี้แมงวัน
- ช่วยลดปัญหาผิวหน้ามัน เพราะการกรอผิว ทำให้ไขมันที่เคลือบผิวหน้าชั้นนอก หลุดลอกออก และทำให้ต่อมไขมันที่ผลิตไขมันในท่อไขมัน ลดลง
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องในการทำ Microdermabrasion จะกรอผิวหน้าได้ลึกตื้น หรือได้ผลมากน้อยแค่ไหน นอกจากขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ที่ทำแล้ว ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ดังนี้
- ผลึกที่ใช้ในการทำ Microdermabrasion ทั้งในแง่ชนิด และขนาดที่ใช้
- ความแรงและความเร็วของการพ่นผลึกดังกล่าว
- จำนวนผลึกที่พ่นต่อวินาที
- จำนวนครั้งในการทำซ้ำในบริเวณเดิม
- ความหนาบางของผิวหนังในแต่ละคน
- ประวัติการรักษาด้วยวิธีอื่นร่วมด้วยหรือไม่ เช่น การทำ Peeling,Laser,IPL
ตัวอย่างก่อนหลังการกรอผิว โดยรวม
ผลข้างเคียงที่พบได้ในการทำ Microdermabrasion
- ความรู้สึกระคายเคือง แสบ ที่ผิวหน้าในระหว่างที่ทำ และหลังทำ ซึ่งอาจจะต้องทาครีมบำรุง หรือสารให้ความนุ่มเนียนหลังทำ
- หลีกเลี่ยงแสงแดด ในระยะ 1-7 วันหลังทำขึ้นอยู่กับความลึกตื้นในการกรอผิว
- อาจจะมีรอยแดง หรือรอยซีดจาง หลังทำและจะดีขึ้นภายใน 3-4 วัน
- รอยดำจากภาวะอักเสบเกิดได้ ถ้าผู้ทำไม่ชำนาญ หรือเลือกเทคนิคไม่ดีพอ แต่มักจะหายภายใน 1-2 อาทิตย์
- กรณีที่กรอลึก เช่นในคนที่มีปัญหาท้องลาย ขาลาย หรือรอยแยกแตกของผิวหนัง อาจจะมีอาการบวม เลือดซึม หรืออักเสบหลังทำได้ และจะดีขึ้นภายใน 1-3 อาทิตย์
ได้มีการเปรียบเทียบการกรอผิวด้วยวิธี Microdermabrasion จะทำได้ลึกกว่าการทำ Chemical Peeling แต่ตื้นกว่าการกรอผิวด้วยเลเซอร์ และในด้านผลข้างเคียง จะมากกว่าการทำ Chemical Peeling แต่น้อยกว่าการกรอผิวด้วยเลเซอร์ นอกจากนี้ในกรณีรอยดำ หรือฝ้า แพทย์บางท่าน นิยมทำการกรอผิวด้วยวิธี Microdermabrasion แล้วมักจะทำ Phonophoresis ตามด้วยเพราะตามทฤษฎีอัตราซาวน์จะเข้าไปขยายช่องว่างระหว่างเซลล์หนังกำพร้า ทำให้ยาซึมเข้าผิวหนังได้ดีขึ้น และลดการระคายเคืองจากการทำ วิธี Microdermabrasion
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ …ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด…6 August,2010