MEMBER
บทความ
- ความงามทั่วไป
- ดูแลผิวพรรณ
- ผิวหนัง
- ฝ้า-กระ
- ลดน้ำหนัก
- ศัลยกรรมความงาม
- สุขภาพ-งานวิจัย
- หมวดสิว
- เก็บมาอยากให้อ่านกัน
- เวชศาสตร์ความงาม
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- เส้นผม

เสริมจมูก ด้วยวิธีผ่าตัด
การเสริมจมูกเป็นการทำศัลยกรรมที่นิยมกันมากที่สุดวิธีหนึ่งหนึ่งในแถบเอเซีย เนื่องจากโครงหน้าของชาวตะวันออก มักจะมีจมูกที่ไม่เป็นสันโด่งสวยงาม เหมือนทางตะวันตก การเสริมจมูกมีด้วยกันหลากหลายวิธีในปัจจุบัน แต่แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 กรรมวิธี ก็คือ การทำผ่าตัดและการไม่ต้องผ่าตัด แต่ละวิธีก็มีจุดเด่น จุดด้อยแตกต่างกัน บทความนี้จะนำเสนอเรื่องการเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดในปัจจุบัน ให้ทราบพอสังเขป ประกอบการตัดสินใจสำหรับท่านที่ต้องการเติมให้สวย เพิ่มให้หล่อ ดังนี้
การเสริมจมูกด้วยการผ่าตัด เป็นการทำศัลยกรรมตกแต่งที่มีนานหลายทศวรรต นิยมทำโดยศัลยแพทย์ตกแต่ง หรือศัลยแพทย์ทั่วไปที่ได้รับการอบรม แพทย์เฉพาะทางหู คอ จมูก แพทย์ทั่วไปที่ผ่านการฝึกอบรมจากสมาคมศัลยแพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นการผ่าตัดเสริมอย่างถาวร โดยมีวัสดุที่นิยมใช้ดังต่อไปนี้
1. แท่งซิลิโคน(medical grade silicone) โดยการผ่าตัดผ่านทางรอยผ่าตัดขนาดเล็กที่ด้านในของจมูก ซึ่งแผลผ่าตัดนี้จะมองไม่เห็น แพทย์จะเริ่มผ่าตัดโดยการออกแบบซิลิโคนให้เข้ากับรูปหน้า และโครงจมูกก่อน จากนั้นจึงเริ่มการเสริม โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่บริเวณรอบจมูก บางรายอาจใช้ยานอนหลับร่วมด้วย โดยการฉีดหรือรับประทาน(ในกรณีที่ผู้ป่วยตื่นเต้นหรือกลัวมาก) แต่ส่วนใหญ่แล้วใช้ยาชาเฉพาะที่ก็เพียงพอแล้ว หลังผ่าตัดก็สามารถกลับบ้านได้ทันที แพทย์จะนัดมาดูอีกหลังผ่าตัด 1 อาทิตย์ เพื่อตัดไหมและตรวจดูความเรียบร้อย
จุดเด่น:
- ราคาแตกต่างกัน แล้วแต่งบประมาณ ประมาณ 6,000-300,000 บาท
- จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการ
- คงอยู่ได้ถาวรตลอดไป
- ถ้าไม่พอใจ หรือมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขผ่าตัดออกได้ง่าย
- โอกาสแพ้หรือทำให้เกิดเสียตามมาน้อยมาก
จุดด้อย:
- อาจจะต้องหยุดพักฟื้นหลังผ่าตัด เพราะแพทย์บางท่านอาจใช้ plaster ปิดบริเวณสันจมูกหรืออาจใช้เฝือกดามบริเวณสันจมูกด้วย ทำให้ไม่สะดวกในการเดินทางกลับบ้าน หรือไปทำงาน ( แต่ในบางท่านก็ไม่ต้องมีการปิดแผลบริเวณจมูกเลย สามารถเดินทางกลับบ้านโดยที่คนทั่วไปอาจไม่สังเกตเห็นความผิดปกติ นอกจากอาการบวม)
- มีอาการบวมหลังผ่าตัดได้ ประมาณ 3-7 วัน
- จมูกอักเสบได้หลังผ่าตัด จากการติดเชื้อได้จากบาดแผลที่ทำผ่าตัด
- เมื่อระยะเวลานานไป จมูกอาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติ เห็นขอบสันชัดเจน
- สัมผัสแล้วไม่นุ่มเหมือนผิวหนังปกติ
- ต้องระมัดระวังมิให้เกิดการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เพราะทำให้จมูกเบี้ยงเอียง ผิดรูปได้
- สันจมูกจะสูงเกินไป จรดแนวหัวคิ้ว ดูยังไงก็รู้ว่าทำดั้งมา ยกเว้นแพทย์จะมีฝีมือมากๆ (หาได้น้อย และแพงมาก)
2. Goretex เป็นแผ่นสารสังเคราะห์อย่างหนึ่งที่ประกอบด้วย Porous polytetrafluroethylene ซึ่งใช้ในการใส่เข้าไปในร่างกายได้ มีปฏิกริยาต่อร่างกายไม่มากนัก เมื่อใส่เข้าไปแล้วจะมีการสร้างพังผืดเข้าไปล้อมและแทรกเข้าไปในแผ่น goretex ด้วย ขั้นตอนการทำผ่าตัดคล้ายคลึงกับการเสริมด้วยแท่งซิลิโคน แต่ในเมืองไทย มีแพทย์ไม่กี่คนที่นิยมทำด้วยวิธีนี้ มักจะนิยมทำในต่างประเทศ นอกจากนี้ แผ่น Goretex นี้ยังนิยมนำมาเสริมในตำแหน่งที่ใช้ริมฝีปาก ที่ปลายจมูก สันจมูก ร่องแก้ม อีกด้วยและเป็นที่นิยมทำมากกว่าการเติมที่จมูก
จุดเด่น:
- จัดแต่งรูปทรงได้ตามต้องการได้ง่ายกว่าแท่งซิลิโคน
- เติมร่องหรือรอยบุ๋มบางส่วนได้
- คงอยู่ได้ถาวรตลอดไป
- ถ้าไม่พอใจ หรือมีปัญหา ก็สามารถแก้ไขผ่าตัดออกได้ แต่ก็ยากกว่าการเสริมด้วยแท่งซิลิโคน เพราะจะติดกับเนื้อเยื่อภายใน
- โอกาสแพ้หรือทำให้เกิดเสียตามมาน้อย
จุดด้อย:
- อาจจะต้องหยุดพักฟื้นหลังผ่าตัดเช่นเดียวกับการทำการเสริมด้วยแท่งซิลิโคน และมีแพทย์ไม่กี่ท่านที่นิยมทำด้วยวิธีนี้
- มีอาการบวมหลังผ่าตัดได้ ประมาณ 3-7 วัน แต่น้อยกว่าการเสริมด้วยแท่งซิลิโคน
- จมูกอักเสบได้หลังผ่าตัด จากการติดเชื้อได้จากบาดแผลที่ทำผ่าตัด
- การใช้ goretex เสริมได้ในปริมาณไม่มากเนื่องจากเป็นแผ่น หากจะใช้ให้ได้ความสูงหรือนูนต้องม้วนจึงจะได้ความนูน
- สัมผัสแล้วไม่นุ่มเหมือนผิวหนังปกติ อาจสังเกตเห็นขอบได้ถ้าไม่ระมัดระวังในการทำ
- ต้องระมัดระวังมิให้เกิดการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง เพราะทำให้จมูกเบี้ยงเอียง ผิดรูปได้
- มีราคาแพง ประมาณ 15,000-30,000 บาท
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ …ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด…6 August,2013