MEMBER
บทความ
- ความงามทั่วไป
- ดูแลผิวพรรณ
- ผิวหนัง
- ฝ้า-กระ
- ลดน้ำหนัก
- ศัลยกรรมความงาม
- สุขภาพ-งานวิจัย
- หมวดสิว
- เก็บมาอยากให้อ่านกัน
- เวชศาสตร์ความงาม
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- เส้นผม

เทคนิคการฉีดฟิลเลอร์เพื่อทดแทนการฉีดBotulinum toxin type A
- การฉีดฟิลเลอร์เพื่อที่จะทดแทนการ ฉีด Botulinum toxin type A ทำได้อย่างไร ทุกคนคงจะสงสัยว่าทำได้ด้วยหรือ เพราะสารฟิลเลอร์เป็นสารเติมเต็ม จะมาทดแทนการฉีด Botulinum toxin type A เป็นไปไม่ได้ เพราะกลไกการทำงานต่างกัน ในเมื่อ Botulinum toxin type A เป็นสารลดการทำงานของกล้ามเนื้อทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือทำงานลดลง แล้วฟิลเลอร์จะมีคุณสมบัติแบบนีได้ด้วยหรือ ก่อนหน้านี้แพทย์ด้านความงามก็เข้าใจอย่างนั้น แต่เมื่อแพทย์มีประสบการณ์มากขึ้น และเทคนิคการฉีดก็พัฒนาหลากหลายมากขึ้น ประกอบกับสารฟิลเลอร์เองก็ได้มีการพัฒนาออกมาหลากหลายรุ่นมากขึ้น เช่นมีทั้งความหนืดมากขึ้น ความหนืดน้อยลง เทคนิคการฉีดก็ซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะฉีดด้วยเข็มปลายแหลม เข็มปลายทู่ หลากหลายขนาด ฉีดลึกตื้นต่างกัน ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ ชั้นไขมัน จนลึกวางบนกระดูก ทำให้วัตถุประสงค์ในการฉีดฟิลเลอร์จึงมีอย่างหลากหลายมากขึ้น จนแทบจะมาทดแทนการฉีดโบทอกซ์
- ข้อบ่งขี้ในการฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบัน
1. เพื่อคุณสมบัติเป็นสารเติมเต็ม : ข้อนี้เราทราบกันมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มมีการฉีดฟิลเลอร์ เช่น นำมาฉีดเติมร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ฉีดเสริมคางให้ยาวขึ้น ฉีดเสริมขมับ ฉีดเสริมจมูกให้โด่ง ดังภาพด้านล่างนี้
2. เพื่อคุณสมบัติยกกระชับ ลดการหย่อนคล้อย : การฉีดฟิลเลอร์ในลักษณะนี้ แพทย์จะเลือกฟิลเลอร์ที่มีความหนืดมากๆ แล้วฉีดลึกวางบนกระดูกในตำแหน่งที่มีผลต่อการยกกระชับ ในปริมาณน้อยๆ ประมาณ 0.2-0.3 ซีซี เช่น ใต้บริเวณเส้นเอ็นต่างๆ บนใบหน้าที่เรียกว่า retaining ligaments หรือการฉีด 8 Point Lifting ที่ได้เคยเขียนบทความไว้แล้ว เพื่อผิวหน้ากระชับขึ้น ริ้วรอยต่างๆ ก็จะตื้นขึ้นได้ บางคนร่องแก้มลึก แทนที่จะเติมฟิลเลอร์ตรงร่องแก้ม แพทย์ใช้เทคนิคฉีดฟิลเลอร์ยกกระชับกรอบหน้าให้ตึงขึ้น ร่องแก้มก็จะตื้นขึ้นได้โดยไม่ได้เติมฟิลเลอร์ตรงร่องแก้มเลย ดังภาพด้านล่างนี้
3. เพื่อคุณสมบัติลดการทำงานของกล้ามเนื้อ : ปัจจุบันวิธีนี้แหล่ะที่นำมาทดแทนโบทอกซ์ โดยการฉีดวางบนขั้นกล้ามเนื้อ ในบางตำแหน่ง โดยอาศัยกลไกที่ฟิลเลอร์กดทับการทำงานของกล้ามเนื้อให้ลดลง(Compression effect) ดังนั้นเมื่อกล้ามเนื้อทำงานลดลง ซึ่งคล้ายกับการฉีดโบทอกซ์ที่ลดการทำงานของกล้ามเนื้อ เช่นการฉีดฟิลเลอร์บริเวณร่องแก้ม เพื่อทำให้การยิ้มเห็นเหงือก ที่เรียกว่า Gummy smile ทำงานลดลง เวลายิ้มก็จะดูธรรมชาติขึ้น หรือฉีดเติมหน้าผากให้เต็ม จะทำให้หน้าผากขยับได้ลดลง ริ้วรอยย่นบริเวณหน้าผากก็จะลดลงด้วย การเติมฟิลเลอร์บริเวณตีนกาก็ช่วยลดรอยตีนกาเวลายิ้มลงได้เช่นกัน ดังภาพด้านล่างนี้
4. เพื่อคุณสมบัติปรับรูปหน้าให้ดูเรียวขึ้นได้: เราทราบว่าโบทอกซ์ปรับหน้าวีเชฟได้ ฟิลเลอร์ก็ทำให้หน้าเล็กลงเป็นวีเชฟได้เช่นกัน ถ้าจัดวางฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่นเติมบริเวณโหนกแก้มให้มีมิติขึ้น ฉีดกรอบหน้าให้ยกกระชับขึ้น รูปหน้าก็เปลี่ยนให้ดูเล็กลงได้เช่นกัน ดังภาพด้านล่างนี้
5. เพื่อคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหนัง: ด้วยคุณสมบัติของฟิลเลอร์กลุ่ม Hyaluronic acid มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ ที่เรียกว่า high water–binding ( hydrophilic ) capacity การเลือกฟิลเลอร์ที่มีความหนืดน้อยๆ และนำมาฉีดในชั้นหนังแท้กระจายทั่วหน้า ที่เรียกว่า Skin Booster with fillers จากผิวหน้าแห้งและมีริ้วรอยเล็กๆ ก็จะชุ่มชื้นขึ้น เนียนนุ่มขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ ก็จะเลือนหายไป ดังภาพด้านล่างนี้
- ดังนั้น สำหรับบางคนที่ไม่ต้องการ ฉีด Botulinum toxin type A อาจจะด้วยเหตุผลว่าฉีดแล้วดูไม่เป็นธรรมชาติ ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ ทุก 4-6 เดือน และปัจจุบัน Botulinum toxin type A แต่ละยี่ห้อ ก็มีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน แม้แพทย์คนเดียวกัน เทคนิคเดียวกัน ฉีด Botulinum toxin type A ต่างยี่ห้อกัน ก็ยังให้ผลไม่เหมือนกัน อยู่ได้นานแตกต่างกัน หรือถ้าเกิดผลข้างเคียงจากการฉีด Botulinum toxin type A แล้วไม่สามารถทำให้หมดฤทธิ์เร็วได้ ต้องรอให้หมดฤทธิ์เอง ซึ่งใช้เวลานาน 3-4 เดือน การฉีดฟิลเลอร์ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการนำมาทดแทนการฉีด Botulinum toxin type A แต่จะมีประสิทธิผลได้ดีมากน้อยเพียงใด และไม่มีผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ตามที่เคยเป็นข่าวมาบ่อยๆ การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และมีความรู้จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญ