MEMBER
บทความ
- ความงามทั่วไป
- ดูแลผิวพรรณ
- ผิวหนัง
- ฝ้า-กระ
- ลดน้ำหนัก
- ศัลยกรรมความงาม
- สุขภาพ-งานวิจัย
- หมวดสิว
- เก็บมาอยากให้อ่านกัน
- เวชศาสตร์ความงาม
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- เส้นผม

รูขุมขนกว้าง(Large Pores) สาเหตุและการป้องกันรักษา
รูขุมขนกว้าง เป็นลักษณะทางผิวหนังที่พบได้บ่อย จะถือว่าเป็นปัญหาหรือไม่ใช่ปัญหาก็ได้ เนื่องจากไม่ใช่โรคทางผิวหนังและก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ยกเว้นเรื่องความสวยงาม เนื่องจากคนที่มีรูขุมขนกว้าง จะมีโอกาสมีสิวเสี้ยนได้ง่ายกว่าคนที่ไม่มีปัญหาดังกล่าว ปกติท่อที่เปิดตามผิวพรรณทั่วไป จะมี 2 ประเภทใหญ่ๆ ก็คือ ท่อเปิดต่อมเหงื่อ และท่อเปิดรูขุมขน ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ขนงอกขึ้นมา และเป็นต่อมท่อที่ระบายของไขมันจากต่อม Sebaceous Gland (ดูภาพประกอบ) ซึ่งจะมีขนาดโตมากน้อยแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับ
1. อายุ เมื่ออายุเกิน 20 ปีขึ้นไปรูขุมขนมีโอกาสจะโตมากขึ้นตามธรรมชาติ
2. ลักษณะผิว ในกรณีที่มีผิวหน้ามันมาก โอกาสจะมีรูขุมขนกว้างมากขึ้น จะเกิดขึ้นเร็วและโตกว่าคนที่มีผิวธรรมดาหรือผิวแห้ง
แนวทางการป้องกันรูขุมขนกว้าง
1. พยายามลดความมันบนใบหน้า เพื่อเป็นการป้องกัน มีได้หลายๆ วิธีดังนี้
2 การล้างหน้าบ่อยๆ
3 เลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวมัน ซึ่งมักจะได้แก่ สบู่ล้างหน้า หรือโฟมล้างหน้า
4 การทาโลชั่นลดความมัน หรือเจลควบคุมความมัน
5การรับประทานยากลุ่มเรตินอยด์ กรณีที่ผิวหน้ามันมากๆ และได้ปฏิบัติในข้อ 1.1-1.3 แล้วไม่ดีขึ้น ได้แก่ยา roaccutane,Isotretinoin
แนวทางการรักษารูขุมขนกว้าง
1 การทำไอออนโต โดยใช้ยากลุ่มวิตามินเอ,hyaluronic acid,aloe vera
2 การทาครีมที่ผสมด้วยกรดผลไม้อ่อนๆ เช่น AHA,BHA เป็นประจำ
3 การกรอผิวหน้าด้วยเกร็ดอัญมณี (Microdermabrasion)
4 การกรอผิวหน้าด้วย Laser ( Laser Resufacement)
5 การทำ Photorejuvenation ด้วยเครื่อง IPL (Intense Pulse Light)
6 การทำ Skin Needling: จัดเป็นอีกเทคนิคในการรักษารูขุมขนกว้าง โดยเริ่มมีการนำมารักษาในเมืองไทย ประมาณ ค.ศ.2006 โดยพบได้ผลดีมากกว่าแบบเดิมๆ หลักการทำโดยการใช้ลูกกลิ้งที่มีเข็มเล็กๆ ติดที่ปลาย กลิ้งไปบนใบหน้า ทำให้เกิดรูเล็กๆ จำนวนมากในชั้นหนังแท้ แล้วให้ร่างกายทำการซ่อมแซมเนื้อเยื่อเอง ทั้งการสร้างคอลลาเจนใหม่ และการเรียงตัวของเซลล์ จึงทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนดีขึ้นได้ เพียงแต่ปัจจุบัน ไม่ค่อยมีให้บริการ เนื่องจากอย. ไม่อนุญาตให้ดำเนินการได้
– การรักษารูขุมขนกว้าง ตั้งแต่วิธีที่ 1-6 ปัจจุบัน ถือว่าได้ผลน้อย และต้องทำหลายครั้ง ส่วนการทำ Dermaroller แม้จะได้ผลดี แต่ก็ต้องพักหน้าหลังทำหลายวัน และอย.ก็ไม่อนุญาตให้ทำได้ จึงขอกล่าวอันดับต่อไป ที่ถือว่าเป็นการรักษารูขุมขนกว้างที่ได้มาตรฐานสากล
7 Fractional Laser : ถือเป็นการรักษารูขุมขนกว้าง ด้วยเลเซอร์ กลุ่ม Non-ablative Laser โดยเริ่มมีการนำมารักษาปัญหาเรื่องรูขุมขนกว้าง ในปี ค.ศ. 2004 และได้การรับรองจาก FDA จากอเมริกา ในปี ค.ศ. 2006 ว่านอกจากจะสามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอย ฝ้า กระ ตลอดจนรอยหลุมสิว ผิวหน้าไม่เรียบ ให้มีสภาพกลับมาดีขึ้น อย่างได้ผลชัดเจน แล้ว ยังใช้รักษารูขุมขนกว้าง ให้กระชับได้อีก โดยใช้หลักการรักษาแบบนี้ จะลอกผิวด้วยเลเซอร์ด้วยเทคนิค Micro-Laser Peel จึงเลือกระดับความลึกของการลอกหน้าได้ตามสภาพผิวหน้าและสีผิวของคนไข้ ตั้งแต่ 1/10มิลลิเมตร –2 มิลลิเมตร :ซึ่งถ้าใช้พลังงานต่ำ ก็ได้ผลน้อยและช้า จึงมักจะใช้พลังงานสูง เพราะได้ผลดีและเร็วแต่ผลข้างเคียง เช่น รอยดำ รอยแดง ซึ่งคนไข้ต้องยอมรับ และต้องมีการพักหน้าหลังทำ 4-5 วันและต้องเลี่ยงแดดหลังทำประมาณ 2 อาทิตย์
การรักษาด้วย เลเซอร์ Fine Scan 1550
ส่วนเลเซอร์ที่ใช้หลักการรักษาแบบนี้ ก็ได้แก่ Fraxel,Fine Scan 1550 ซึ่งเลเซอร์ทั้งสองตัวนี้ ปัจจุบันถือว่าเป็น เลเซอร์ที่นิยมนำมารักษาเรื่องรูขุมขนกว้างมากที่สุด เพราะได้ผลดีมากกว่า 60-80% โดยเฉพาะ Fine Scan 1550 จัดเป็นเลเซอร์สำหรับผิวคนไทย หรือคนเอเซีย โดยเฉพาะ อ่านบทความเรื่อง Fine Scan 1550
ภาพก่อนหลัง การรักษารูขุมขนกว้างด้วย Fine scan 1550
8 Frctional RF-non needle(E-Matrix) : จัด เป็นนวัตกรรมล่าสุดของปี 2012 ในการแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง เพราะถือว่าได้ผลไม่แพ้ Fractional laser Fractional Laser เพราะนอกจากจะทำให้รูขุมขนกระชับแลัว ยังลอกผิวด้านบน จากรอยด่างดำให้เนียนใส ขึ้นได้ด้วย แต่มีข้อจะผลข้างเคียงหลังทำมากกว่า Fractional Laser ตรงที่หลังทำ ผิวหน้าอาจจะมีรอยดำเป็นตารางๆ และต้องพักฟื้นหลังทำ 5-7 วัน เพื่อให้รอยดำลอกออก จัดเป็นการแก้ปัญหารูขุมขนกว้างที่ได้ผลไว แต่ไม่เหมาะกับคนสีผิวคล้ำ หรือต้องออกแดดบ่อยๆ
สาธิตการรักษาด้วย Frctional RF-non needle(E-Matrix)
รอยแดงหลังทำ Fractional RF non-needle
ภาพก่อนหลัง การรักษารูขุมขนกว้างด้วย Frctional RF-non needle(E-Matrix)
อนึ่งการแก้ไขปัญหารูขุมขนกว้าง จะพบว่า ค่าใช้จ่ายและผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างกันไป การพิจารณาเลือกแบบใด ควรสอบถามแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบคอบ ก่อนจะตัดสินใจทำการรักษา แต่ในส่วนตัว จะเลือกระหว่าง Fractional Laser( Fine scan 1550) กับ Fractional RF non-needle(E-Matrix) ในการแก้ปัญหาดังกล่าว เนื่องจากได้ผลดีกว่าวิธีอื่นๆ ส่วนระยะเวลาในการพักฟื้น งบประมาณและสีผิว จะเป็นตัวตัดสินใจ ว่าคนไข้ควรจะเลือกแบบไหน ระหว่าง วิธี Fractional Laser หรือ Fractional RF non-needle
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่โดย นพ.จรัสพล รินทระ …