MEMBER
บทความ
- ความงามทั่วไป
- ดูแลผิวพรรณ
- ผิวหนัง
- ฝ้า-กระ
- ลดน้ำหนัก
- ศัลยกรรมความงาม
- สุขภาพ-งานวิจัย
- หมวดสิว
- เก็บมาอยากให้อ่านกัน
- เวชศาสตร์ความงาม
- เวชศาสตร์ชะลอวัย
- เส้นผม

คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ในผักใบเขียว กับบทบาทที่สำคัญต่อร่างกาย
คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในผักใบเขียวทุกชนิด เป็นรงควัตถุสีเขียว การรับประทานผักใบเขียวจึงจะได้ประโยชน์จากการได้รับสารนี้ด้วย จึงได้มีการรณรงค์ให้รับประทานพืชผักกันให้มากขึ้น
จากผลงานวิจัย เราพบว่า คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) มีสูตรโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับ โมเลกุลของฮีม(Heme) ซึ่งเป็นสารประกอบที่สำคัญในการ สร้างเม็ดเลือดแดง ( เม็ดเลือดแดง ประกอบด้วย Hemoglobin=Heme+Globin ) และสามารถกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดงได้
ได้มีการรวบรวมผลงานการวิจัยทางการแพทย์ ทำให้ทราบบทบาทและประโยชน์ของ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ดังนี้
- มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของหัวใจ
- ช่วยในการลดความผิดปกติของเลือดจากภาวะโลหิตจาง(anemia)
- ช่วยลดความดันโลหิตสูงได้
- มีฤทธิ์ในการต้านขบวนการออกซิเดชั่น ที่ทำให้เซลล์เสื่อมสภาพหรือหมดอายุก่อนวัยอันควร
- ช่วยชำระล้างสารพิษ หรือ ขจัดของเสียจากร่างกาย
- ช่วยลดปัญหากลิ่นปาก หรือกลิ่นตัวได้
- ลดกลิ่นของปัสสาวะ อุจจาระ หรือแผลเน่าได้
อาหารเสริมที่มี คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) จึงได้เริ่มมีการวางจำหน่ายตามร้านอาหารเสริมสุขภาพทั้งหลาย เพราะในบางคนเชื่อว่า คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll)ที่อยู่ในพืช ถูกปิดกั้นด้วยผนังเซลล์พืชเอง ทำให้ระบบทางเดินอาหารไม่สามารถบดย่อยผักใบเขียวให้ได้ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) อย่างเต็มที่หรือเพียงพอกับความต้องการ จึงได้มีการสกัดเอาเฉพาะ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) มาทำให้เป็นอาหารเสริม ในกรณีบางคนที่ไม่ชอบรับประทานผัก หรือเกรงสารพิษตกค้างในผักแต่สนนราคา ก็แพงไม่เบาเช่นกัน ตกเม็ดละประมาณ 10 บาท ต่อ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) 120 Mg.
ยังไม่มีรายงานจาก FDA ว่าปกติร่างกายต้องการ คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) ในปริมาณเท่าใดต่อวัน แต่ส่วนใหญ่จะประมาณเอาว่า ประมาณ 120-240 Mg ต่อวัน
เรียบเรียงและค้นคว้าใหม่ โดยนพ.จรัสพล รินทระ …….ปรับปรุงข้อมูลล่าสุด…..6 September 2005